You are currently browsing the daily archive for เมษายน 25, 2007.

บทความชิ้นนี้ถูกบันทึกไว้ ณ วันที่ 7 เมษายน 2549

———-และแล้วการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ก็เกิดขึ้น ท่ามกลางการชุมนุมของประชาชนที่อ้างกันว่าเรือนแสนเรือนล้านเพื่อเรียกร้องให้นายกลาออกลงท้ายด้วย ขอนายกพระราชทาน ประสานกับเสียงโหยหา ทหารให้มาปฎิวัติ

———-เสธ.หนั่น ฟันธงหลังยุบสภาว่าจะไม่มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน อาจจะด้วย กกต. ลาออก ทหารปฎิวัติ ทักษิณแพ้ม็อบ ลาออกและได้นายกพระราชทาน

———-ประชาธิปัตย์และพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างวิเคราะห์และประเมิณสถานการณ์ไปในทิศทางเดียวกับ เสธ.หนั่นและเพื่อให้การคาดการณ์นั้นสามารถเกิดขึ้นได้จริง ต้องทำให้การเมืองเข้าสู่ทางตันด้วยมติอัปยศ “คว่ำบาตรการเลือกตั้ง”…เพื่อให้การเลือตั้งดูอัปลักษณ์และไร้ซึ่งความชอบธรรมก็เกิดมหกรรมเช็คคุณสมบัติผู้สมัครพรรคเล็ก ตลอดจนสร้างฉากกำกับการแสดง ละครตบตาเรื่อง”พลิ้วชิวหาของนางเจี้ยบ” จนทำให้สุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องเป็นจำเลย ที่รอวันพิสูจน์ความจริง ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ จากกระบวนการยุติธรรม

———-กลุ่ม อีลีต หรือ ชนชั้นนำทางสังคม ได้ออกมาประสานเสียง ทุ้มบ้าง แหลมบ้าง ต่ำบ้าง สูงบ้างแต่เป็นเพลงที่มีเนื้อร้องและทำนองเดียวกันกับที่ ม็อบสนธิ-จำลองและพันธมิตร ใช้ร้องนั่นคือ ไอ้หน้าเหลี่ยมออกไปพระราชทานนายกใหม่มาให้เรา

———-สื่อมวลชนพร้อมใจกันแบบไม่เคยปรากฎมาก่อนพวกเขาลืมข้อขัดแย้งทางธุรกิจและความบาดหมางของผู้นำทางธุรกิจสื่อที่เคยมีมาในอดีตไปเพราะมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ โค่นทักษิณให้ได้เวลาสมานฉันท์แห่งสื่อเป็นปรากฎการ์ที่อัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

———-บุคคลที่ประสงค์จะลงเลือกตั้ง สว.หลายคน แสดงตนให้สาธารณชนได้รู้ว่าเขาอยู่แถวหน้าของกระบวนการไล่ทักษิณครั้งนี้ ไม่ว่า อุทัย พิมใจชน กล้าณรงค์ รสนา ชูวิทย์ และคนอื่นๆอีกจำนวนหนึ่ง

———-บุคคลที่กำลังจะสูญเสียเวทีทางการเมือง เช่นแก้วสรร เจิมศักดิ์ การุณ ไกรศักดิ์และสว.ในกลุ่มนี้อีกหลายคนต่างก็ใช้เวทีและสถานการณ์นี้บอกกับสาธารณชนว่าเขาอยู่ในแถวหน้าของกระบวนไล่ทักษิณครั้งนี้เหมือนกัน

———-ผู้ชี้นำสังคมประเวศ วสี กับธีรยุทธ บุญมีต่างวางตำแหน่งของตนเองในฐานะผู้ชี้นำทางสังคมคนแรกเป็นผู้ชี้นำทางจริยธรรมทำหน้าที่ตั้งข้อกล่าวหาพิพากษา และกำหนดโทษลงทัณฑ์ม้วนเดียวจบส่วนคนหลังเป็นผู้ชี้นำทางด้านยุทธวิธีการต่อสู้ภายใต้แนวคิดอารยะแข็งขืนด้วยกลยุทธนานาประการ…

———-ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ปัญญาชน ชนชั้นกลางจำนวนหนึ่งตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งแกล้มกับกาแฟขนมปัง หรือโจ๊กร้อน หรือปาท่องโก๋ ตามอัธยาศัยคนกลุ่มนี้ได้ยินชื่อธีรยุทธหรือ ประเวศ วสี เขาเชื่อไปแล้ว 80 % อีก 20 % ที่คลางแคลงใจ ก็คิดว่าตนเองปัญญาไม่ถึง คิดตามสองท่านนั้นไม่ทันปัญญาชนพันธุ์นี้ในบ้านเรามีให้เห็นน้อยเสียเมื่อไหร่ครั้นออกจากประตูบ้านพลันเข้าประตูออฟฟิศทุกคนขุดเอาเรื่องที่อ่านจาก นสพ.เรื่องเล่าจาก ม็อบเม้าท์กันน้ำลายแตกฟองแล้วทุกคนต่างก็สกดจิตตัวเองและสกดจิตคู่สนทนาว่า…ท้ากสิน..ออกไป..ให้คำๆนี้ฝังอยู่ใต้จิตสำนึกใครที่ไม่เห็นด้วยนอกจะไม่อินเทร็นด์แล้วต้องโดนข้อหาว่า สมองหมา ปัญญาควาย ไร้ความคิดหากฝ่ายถูกกล่าวหาอยากโต้แย้งบ้าง…..แน่นอน…สงครามน้ำลายระเบิดและจบลงด้วยการเสียเพื่อน——ค น เ ห ล่า นี้ ทั้งชีวิตเดินเข้าออกแค่สามประตู คือประตูบ้าน ประตูสถานศึกษา และประตูสำนักงานในวันเงินเดือนออกถึงได้มีโอกาสเข้าประตูห้างสรรพสินค้าและประตูสถานบันเทิง.

———-ส่วนคนกลุ่มใหญ่ ที่ใครๆเขาเรียกกันว่า คนรากหญ้า เขาไม่อินกับประโยคทองที่ต้องกับจริตของปัญญาชน ชนชั้นกลางเช่น…คอร์รับชั่นเชิงนโยบาย…โกงแบบบูรณาการ…ผลประโยชน์ทับซ้อน…แทรกแทรงสื่อ..แทรกแซงองค์กรอิสระ..ขายสมบัติชาติ..ใช่ว่าซับซ้อนเกินกว่าที่เขาจะทำความเข้าใจ ใช่ว่าสติปัญญาอันน้อยนิดของพวกเขาทำความเข้าใจไม่ได้สำหรับพวกเขามันเป็นจินตนาการที่เลื่อนลอยเกินไปทั้งชีวิตของพวกเขาสัมผัสแต่สิ่งที่เป็นรูปธรรมมากกว่านามนามธรรมเขารู้เพียงว่า ในยุคทักษิณเป็นยุคที่วิถีชีวิตของพวกเขาถูกยกระดับขึ้นเขาได้รับการดูแลมากกว่ายุคใดๆและเขารู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นที่ต้องสูญเสียสถานะใหม่ที่พวกเขาเพิ่งได้รับ…เสียงร้อง..เรารักทักษิณ..ทักษิณสู้ๆแม้จะกู้ร้อง ตะโกนจนสุดเสียงมันก็ดังได้แค่เสียงกระซิบเท่านั้นสื่อมวลชนไม่เคยสนใจเสียงของพวกเขาในอดีตอย่างไรสื่อมวลชนก็ยังไม่ใส่ใจเสียงเรียกร้องของพวกเขาในวันนี้เช่นนั้นเพราะพวกเขาไม่เสพย์สื่อ นสพ. เขาไม่หมกมุ่นสื่อ นสพ.เขาอาจจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายทางการตลาดของ นสพ. กล่าวถึงที่สุด พวกเขาไม่ใช่ที่มาของรายได้ของสื่มวลชนนั่นเอง

———-ในสถานการณ์เช่นนี้ กูรู และเซียนทางการเมือง ไม่อาจฟันธงเป็นอย่างอื่นได้..นอกจากข้อสรุปที่ว่า..”ทักษิณอยู่ไม่ถึงวันที่ 2 เมษาแน่”…เพราะการเมืองในอดีตสอนไว้และไม่คิดว่าจะมีสิ่งที่เรียกว่า..megic..หรือความอัศจรรย์

——————–แต่ทักษิณอยู่ได้ อยู่มาถึงวันที่ 2 เมษา 2549——————–

————————-ทำไม ทำไม และทำไม ? ? ?——————–
Read the rest of this entry »

บทความชิ้นนี้ถูกบันทึกไว้ ณ วันที่ 7 เมษายน 2549

เหตุผลที่ 1
ข้อกล่าวหาของสนธิ-จำลองและพันธมิตรสามารถอธิบายได้และได้อธิบายไปแล้วคนจำนวนหนึ่งเชื่อตามคำชี้แจง จำนวนหนึ่งแม้ไม่เชื่อทั้งหมดแต่ยอมรับได้ แต่อีกจำนวนหนึ่งไม่รับฟัง ไม่รับรู้และไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดทักษิณจึงอยากดูจากผลการเลือกตั้ง

เหตุผลที่ 2
ฝ่ายขับไล่ทักษิณทำให้ทักษิณสัมผัสและล่วงรู้ได้ว่า สารพัดข้อกล่าวหา พวกเขาไม่ได้ต้องการคำชี้แจง แต่ต้องการสุมไฟแห่งความเคียดแค้นชิงชังให้ลุกโชนขึ้น ในใจของประชาชนบางกลุ่ม และจะใช้กำลังของประชาชนเหล่านี้เป็นพลังกดดันให้ทักษิณตัดสินใจตามคำเรียกร้องของฝ่ายตน

เหตุผลที่ 3
การปรากฎตัวของฝ่ายวิชาการ ปัญญาชน ราชนิกูล แพทย์ในฝากฝั่งของฝ่ายต่อต้านขับไล่ล้วนแล้วแต่มี คอนเน็กชั่นโดยตรงและโดยอ้อมของแกนนำม็อบ ไม่ว่าจะเป็นแกนนำอาจารย์รัฐจุฬา หรือเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ หมอจุฬาหรือ หมอรามา…

เหตุผลที่ 4
ภาพการชุมนุมต่อต้านขับไล่ทักษิณที่ปรากฎในสวนลุม ลานพระรูป สนามหลวงและหน้าทำเนียบไม่ใช่เป็นเพียงการสร้างเหตุการณ์เพื่อเร่งเร้าให้เกิดประชามติแห่งการขับไล่แต่เป็นสงครามตัวแทน ของกลุ่มทุนและกลุ่มประสงค์โค่นล้มที่อยู่เบื้องหลังซึ่งสมประโยชน์กับกลุ่มขับไล่ที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าเป้าหมายของการชุมนุมไม่ได้หยุดอยู่แค่การให้ลาออกเป้าหมายที่แท้จริงคือการลบชื่อ ทักษิณและพรรคไทยรักไทยออกจากสารบบของการเมืองไทย ทั้งระยะเฉพาะหน้าและระยะยาว

เหตุผลที่ 5
แม้จะดูคล้ายกับว่ามีคนเกลียดชังและสนับสนุนให้ทักษิณ ลาออกหรือเว้นวรรคทางการเมืองเป็นจำนวนมากแต่มิได้มีนัยสำคัญในด้านขนาดและจำนวนของผู้ต่อต้าน ขับไล่เป็นเพียงความหลากหลายของวงการ ที่ฝ่ายต่อต้านขับไล่จงใจจะให้ดูประหนึ่งว่าได้เกิดเป็นมติมหาชนขึ้นแล้วหากเป็นเช่นนั้นจริงม็อบคงไม่ยืดเยื้อ คงไม่ต้องระดมคนจากต่างจังหวัดมาเสริม ลำพังคนกรุงเพพเพียง 5% ก็สามารถกระทำการได้สำเร็จไปนานแล้ว

เหตุผลที่ 6
ผลโพลและจากการสัมผัสประชานทุกพื้นที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่า 19 ล้านเสียงที่ประชาชนเคยมอบความไว้วางใจให้มาบริหารประเทศถ้าลดลงก็ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ การแคร์ความคิด ความรู้สึกของประชาชนกลุ่มนี้ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ควรทำแต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ การลาออกตามคำเรียกร้องไม่เพียงแต่ทำลายความหวังและความปราถนาดีของคนกลุ่มนี้เท่านั้นแต่เป็นการตัดช่องน้อยแต่พอตัว ซึ่งจะสร้างความผิดหวังให้กับแฟนคลับจำนวนมาก

เหตุผลที่ 7
การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ควรเป็นหนทางที่จะให้ประชาชนเจ้าของประเทศเป็นผู้ยืนยันว่าจะไว้วางใจทักษิณอีกหรือไม่ กลับกลายเป็นเส้นทางของการฟอกตัวให้กับระบบทักษิณตามข้ออ้างของ ปชป.และพรรคร่วมฝ่ายค้านซึ่งนำไปสู่การคว่ำบาตรการเลือกตั้งจนทำให้การเมืองเข้าสู่ทางตันและอ่อนไหวต่อการฉีกรัฐธรรมนูญเป็นอย่างยิ่งยิ่งเป็นการยืนยันว่าปชป.และพรรคร่วมฝ่ายค้านได้กลายเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นของม็อบ สนธิ-จำลอง หรืออาจอยู่เบื้องหลังของม็อบสนธิ-จำลองก็ได้แน่นอนเป้าหมายของ ปชป.และพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่แตกต่างจากเหตุผลข้อ 4 ข้อเรียกร้องให้ทักษิณลาออกเป็นเพียงหมุดตัวหนึ่ง ใน Road map ของการคืนสู่อำนาจอีกครั้งหนึ่ง

เหตุผลที่ 8
หากทักษิณลาออกและกลุ่มอำนาจอื่นขึ้นมาบริหารประเทศเชื่อได้ว่าแฟนคลับทักษิณทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า ม็อบ สนธิ-จำลองนับร้อยเท่าคงไม่อยู่เฉยแน่ ถ้าวันนั้นมาถึงจริงความสับสนวุ่นวาย ไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ เส้นทางสวนลุม ลานพระรูป สนามหลวงและหน้าทำเนียบแต่จะกระจายไปทั่วกรุงเทพและทุกหัวเมืองหลักของประเทศไทยการลาออกของทักษิณตามข้อเรียร้องของม็อบไม่เพียงแต่แก้ปัญหาไม่ได้ กลับจะเกิดปัญหาที่ใหญ่กว่านี้อีกหลายเท่าตัว

เหตุผลที่ 9
มีเหตุอันทำให้เชื่อได้ว่า 5 ปีที่ทักษิณเข้ามาบริหารประเทศ ชนชั้นรากหญ้าได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จนพูดได้ว่าไม่มียุคใดเทียบเท่า คนรากหญ้าสัมผัสและซึมซับเอาผลดีของนโยบายทักษิณเข้าไปเต็มๆ คนชุมชนเมืองก็ซาบซึ้งกับการที่ทักษิณเอาลูกของพวกเขากลับคืนมาจากอันตรายของยาเสพย์ติดวันนี้ทักษิณมีภูมิต้านทานจากการโจมตีและมีโล่ห์ของประชาชนเหล่านี้คอยปกป้องอยู่แม้ว่าจะโดนกระแสสื่อปิดล้อมโหมกระหน่ำ และเป็นขี้ปากของกลุ่มไฮโซ ทุนนิยมล้าหลัง ตัวแทนอำนาจเก่าและชนชั้นกลางที่หมกมุ่นข้อมูลสื่ออยู่ก็ตามเป็นเรื่องแปลกที่ทักษิณยังคงสามารถยืนซดหมัดกับพลังเหล่านี้ได้มานานนับปีแล้ว

เหตุผลที่ 10
การลาออกด้วยแรงกดดันของม็อบที่ไร้เหตุผล ไร้ประโยชน์ ไร้อนาคต ไม่เพียงแต่จะสร้างรอยหม่นหมองให้กับประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย ที่ทำให้การเมืองสู่ทางตันเพราะไม่สามารถรักษาระบบเอาไว้ได้เท่านั้นแต่เป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แก่สังคมไทยนั่นคือหากไม่พอใจนายกหรือต้องการให้นายกทำอะไรตามใจกลุ่มตน ก็กดดันให้นายกทำตามได้ ด้วยการสร้างม็อบมากดดันถ้าเราคนไทยยอมรับกติกานี้ได้การเมืองไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร

Powered by ScribeFire.

บทความชิ้นนี้ถูกบันทึกไว้ ณ วันที่ 7 เมษายน 2549

เป้าหมายการคว่ำบาตรการเลือกตั้ง

พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมฝ่ายค้านได้วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนแล้วและได้ข้อสรุปว่า:

1. แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกโจมตีจากทั่วทุกสารทิศ สารพัดเรื่องก็ตามแต่ความนิยมต่อตัวนายกทักษิณยังชนะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมฝ่ายค้านรวมกันหากลงเลือกตั้งแม้จะได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นแต่ยังแพ้การเลือกตั้งอยู่ดีพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่อาจทนต่อความพ่ายแพ้ซ้ำซากได้

2. การส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งเท่ากับส่งเสริมให้พรรคไทยรักไทยบริหารประเทศในระยะยาว…อาจยาวเป็นเวลา 12,16 หรือ 20 ปี ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่สามารถกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลได้เท่านั้น แต่จะทำให้ขนาดของพรรคเล็กลงเรื่อยๆ

3. ถ้าสามารถตัดวงจรทางการเมืองโดยให้มีรัฐบาล ที่เรียกว่ารัฐบาลพระราชทานมาขัดตาทัพพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมฝ่ายค้านจะใช้ช่วงเวลานั้นกดดันและทำลาย พ.ต.ท. ทักษิณ เหมือนกับที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เคยทำลายท่านปรีดี พนมยงค์ ไม่ให้กลับประเทศเป็นผลสำเร็จมาแล้ว

4. เพื่อให้การดำรงอยู่ของ พ.ต.ท. ทักษิณน่ากลัวและน่าชิงชัง พรรคประชาธิปัตย์จึงได้บัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมานั่นคือ “ระบอบทักษิณ” ซึ่งขานรับกับ “หน้าเหลี่ยม” ที่มุ่งย่ำยีเกียรติภูมิ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในกลุ่ม ม๊อบ สนธิ-จำลอง

5. การคว่ำบาตรการเลือกตั้งคือหนทางเดียวที่จะผลักใสให้ไทยรักไทยเข้าสู่ด้วยภาวะลำบากโดยมีแผนสองแผน คือ

แผนหนึ่ง ผลักดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคไทยรักไทยโดดเดี่ยวในกระบวนการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมฝ่ายค้านจะสร้างเงื่อนไขทางการเมืองให้ม๊อบสนธิ-จำลอง โดยขนคนและสมาชิกพรรคเข้าร่วมกับม๊อบเพื่อกดดันให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ลาออก หรือ สร้างความรุนแรงในนามมือที่สามแล้วทำลายความชอบธรรมของรัฐบาล สร้างเงื่อนไขให้การใช้รัฐธรรมนูญตีบตันและเป็นจุดเปลี่ยนจนต้องยกเลิกการใช้รัฐธรรมนูญและขอ “รัฐบาลพระราชทาน” เป็นรัฐบาลขั้นเวลาตามความประสงค์ในข้อ 3 แม้ว่าต้องฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีอะไรเสียแค่หยุดเล่นการเมืองชั่วขณะซึ่งเป้นภาวะที่คนของพรรคประชาธิปัตย์คุ้นเคยมาตลอดช่วง 60 ปี ของอายุพรรค แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้มากกว่านั่นคือ ตัดวงจรทางการเมืองของ พ.ต.ท. ทักษิณ แล้วตนจะได้เข้ามาเป็นพรรครัฐบาลในเวลาที่รวดเร็วกว่า การปล่อยให้มีการเลือกตั้งตามระบอบ

แผนสอง หากแผนหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จ พรรคประชาธิปัตย์ จะปล่อยให้พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลเสียงส่วนใหญ่ที่ไม่มีฝ่ายค้าน และจะโหมประโคมเรียกรัฐบาลนี้ว่า “รัฐบาลโจ๊ก” “เผด็จการรัฐสภา” คู่ขนานไปกับการก่อม๊อบสุมไฟแห่งความเคียดแค้นชิงชัง ทำลายความชอบธรรมต่อการบริหารประเทศของรัฐบาล จนความนิยมต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณจมดิ่งไปพร้อมๆกับพรรคไทยรักไทย

เมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ และมีการเลือกตั้งใหม่ พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคไทยรักไทย จะไม่ใช่คู่แข่งของพรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไป กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่เกิน 2 ปี ซึ่งเร็วกว่าการที่ต้องสู้กับพรรคไทยรักไทยในระบบการเมืองแบบปกติ เร็วกว่า ประหยัดกว่า ไม่ต้องลงมือเองมากนัก ใช้ม็อบเป็นเครื่องมือได้ด้วย ทำไมพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมฝ่ายค้านจะไม่เลือกเล่นเกมนี้ความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ ความน่าเชื่อถือของประเทศและการฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เดือดร้อนอยู่แล้วแต่การได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งในเวลาอันรวดเร็วเป็นสิ่งที่หอมหวนรออยู่เบื้องหน้า

ดังนั้นไม่ใช่เป็นการมองโลกที่เลวร้ายที่จะสรุปว่าเป้าหมายของการคว่ำบาตรการเลือกตั้งคือทำให้การเมืองสู่ทางตันก่อความสับสน สร้างความรุนแรงและฉีกรัฐธรรมนูญอ้างความชอบธรรมด้วยถ้อยคำ “รัฐบาลพระราชทาน

วันนี้การเมืองไทยมีทางเดินแค่สองทางคือ

หนึ่ง ปฏิเสธกติกาประชาธิปไตย เข้าร่วมม็อบสนับสนุนการคว่ำบาตรการเลือกตั้งนำไปสู่การฉีกรัฐธรรมนูญ

สอง สนับสนุนการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน ร่วมใจพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ได้รัฐบาลที่ไม่มั่นคงนัก ไปแก้ไขรัฐธรรมนูญตามระบบ แล้วค่อยยุบสภาเลือกตั้งกันใหม่หลังได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่

มีแต่เจตนารมณ์ที่สอดคล้องกับพลังของประชาชนเท่านั้นที่สร้างประวัติศาสตร์หาใช่เจตนารมณ์ของพรรคการเมืองหรือกลุ่มผลประโยชน์เพียงหยิบมือเดียวไม่
อนาคตทางการเมืองไทยจะเป็นแบบไหน…..ประชาชนไทยเท่านั้นเป็นผู้เลือก

Powered by ScribeFire.

Sticky Topics

เมษายน 2007
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30  

ความเห็นล่าสุด

บังอร แก้วโสด บน เมล์ด่วนจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัต…
อริศรานุวัติ ไผ่สีสุ… บน เมล์ด่วนจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัต…
นายเกรียงไกรภาษี บน บทสัมภาษณ์ทักษิณ ขินวัตรทางสถา…
นายเกรียงไกรภาษี บน บทสัมภาษณ์ทักษิณ ขินวัตรทางสถา…
นายเกรียงไกรภาษี บน เมล์ด่วนจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัต…

Top Clicks

  • ไม่มี

StatCounter

Blog Stats

  • 242,040 hits