การที่ พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมฝ่ายค้านตั้งแง่กับ กกต.ชุดปัจจุบัน ทำให้เกิดคำถามว่า :

กกต. คือต้นเหตุที่ทำให้ พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมฝ่ายค้านแพ้การเลือกตั้งจริงหรือ..?

การที่ ไทยรักไทยได้รับชัยชนะการเลือกตั้งเป็นเพราะมีเงินมากกว่า และซื้อเสียงได้มากกว่า ใช่ไหม?

การเปลี่ยน กกต. ก็เพื่อมิให้ ไทยรักไทยซื้อเสียงได้ ใช่ไหม ?

ศาลเสนอแนะให้ กกต.ลาออก เพราะเชื่อว่าการมี กกต.ชุดใหม่จะทำให้การเลือกตั้งสุจริตยุติธรรม และทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนไป ใช่หรือไม่..หรือว่าแค่ใส่ใจต่อข้อเรียกร้องของพรรคฝ่ายค้าน หรืออย่างไร ?

ดูเหมือนว่า กกต.จำนวน 5 คน และกลไกของ กกต.ทั่วประเทศจะ ทำให้พรรคการเมืองใด แพ้ หรือ ชนะ ก็ได้
ดูเหมือนว่า ทีมที่ชนะหรือแพ้การแข่งขันฟุตบอล มิได้อยู่ที่ทีมและนักกีฬา แต่กลับไปอยู่ที่กรรมการ การเปลี่ยนกรรมการจะทำให้ผลแพ้-ชนะพลิกกลับด้านกันได้.

———-พรรคไทยรักไทย ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี 2541 ท่ามกลางเสียงเย้ยหยันของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจ
การประกาศนโยบายของพรรคไทยรักไทย ก็ถูกดูแคลนจากประชาธิปัตย์ว่าเป็นนโยบายเพ้อฝัน

———-ปี 2543 ไทยรักไทย รุกทางการเมืองด้วยการตั้งรัฐบาลเงา และ ประกาศวาระแห่งชาติ 11 ข้อ ในปีนั้นไทยรักไทยได้พัฒนาตนเองเหนือพรรคชาติไทย ชาติพัฒนา และความหวังใหม่ โดยเทียบชั้นพรรคประชาธิปัตย์จนน่าตกใจ

———-ปลายปี 2543 ทักษิณถูกรุมเร้าด้วยคดีซุกหุ้นภายใต้การกำกับดูแลอย่างเอาการเอางาน ของ กล้าณรงค์ จันทิก ในเวลานั้น ปปช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระอื่นๆ ได้รับการสรรหา แต่งตั้งในช่วงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลและมีมีอำนาจคับฟ้า…

———-คดีซุกหุ้นของทักษิณ ถูกชงเข้าสู่การใต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญก่อนวันเลือกตั้ง เพียง ไม่กี่วัน
วันที่ 6 มกราคม 2544: เป็นวันเลือกตั้ง ในวันนั้น ทักษิณ ถูกฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ปปช. ศาลรัฐธรรมนูญ ล้วนได้รับการสรรหาและแต่งตั้งในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น.

ผลการเลือกตั้ง ไทยรักไทย ได้รับชัยชนะถล่มทลาย..11 ล้านคะแนน ในขณะที่ ปชป.ได้เพียง 6 ล้านเศษ ทรท.มีคะแนนมากกว่าเกือบ 2 เท่าตัว และจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคชาติไทยเป็นพรรคร่วมในที่สุด

———- โปรดสังเกตว่า การที่ไทยรักไทยมีชัยชนะเหนือประชาธิปัตย์อย่างถล่มทลายในวันนั้น…ไทยรักไทยไม่ได้รับความเอื้อเฟื้อ จาก กกต.ที่สรรหาและแต่งตั้งในยุคที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลใดๆทั้งสิ้น

———-ชัยชนะของ ทรท.ในช่วงเวลานั้น หลายฝ่ายได้ข้อสรุปตรงกันกันคือ…คนเบื่อชวน เชื่องช้า เบื่อประชาธิปัตย์ ไทยรักไทย ทำการเมืองโดยใช้นโยบายเป็นตัวนำ พร้อมๆกับสร้างคาดหวังผู้นำที่มีวิสัยทัศน์แบบทักษิณ ส่วนปัจจัยด้านการเงิน พรรคประชาธิปัตย์ในยุคนั้นก็มิได้น้อยหน้าพรรคการเมืองอื่นๆเลย…

———-ทักษิณและทรท.เป็นรัฐบาลบริหารประเทศต่อ จากชวนและประชาธิปัตย์….ประชาชนเปรียบเทียบ ความแตกต่าง กันชัดเจนในทุกด้าน จากแค่ความคาดหวังก่อนการเลือกตั้ง…ก็กลายเป็นความเชื่อมั่นหลังจากที่ทักษิณและ ทรท. บริหารประเทศไปได้ครึ่งเทอม

———-ประชาธิปัตย์มัวแต่ มะงุม มะงาหรา กับการโทษกันไป โทษกันมา…หนึ่ง กดดันให้ชวนลาออก เพราะแพ้เลือกตั้ง..สอง ฟัดกันเอง ระหว่าง สายเสธ.หนั่นที่เสนอบรรญัติ กับ สายชวนที่เสนอ อภิสิทธิ์….เมื่อบรรญัติได้รับชัยชนะ ฝ่ายอภิสิทธิ์ก็เฉื่อยเฉย มิใยดีต่อแนวทาง การเมืองของบรรญัติ….และสาม…นำไปสู่การแตกกลุ่มเป็นอีกพรรคหนึ่ง นั่นคือพรรคมหาชน บนพื้นฐานความเชื่อว่า คนที่เบื่อ ปชป.ยังเหมือนเดิม และคนที่ กลัวทักษิณ จะมากขึ้น พรรคมหาชน คือทางเลือกใหม่ สำหรับ คนที่ เบื่อ ปชป.และกลัวทักษิณ…..

———-การเลือกตั้ง ปี 2548 ปชป. ต้องชูรูปผู้นำพรรคทั้ง 3 คน คือ ชวน อภิสิทธิ์และบรรญัติ ในขณะที่ มหาชนชู เสธ.หนั่น คู่เอนก….ผลการเลือกตั้ง ทรท.ได้คะแนนมากกว่าเดิม..เฉียด19 ล้านเสียง ปชป. ชาติไทย ได้คะแนนน้อยลง มหาชนติดมาแค่ 2 คน และเพิ่มอีกคนหลังเลือกตั้งซ่อม….เป็นผลให้ เสธ.หนั่น หมดอนาคต เอนก ลาออกจากหัวหน้าพรรค….บัญญัติ ก็ต้องลาออก…จึงเป็นยุคสมัยของอภิสิทธ์ใต้ร่มเงาของชวน….ผลการเลือกตั้งครั้งนั้น..ทรท. ถูกกล่าวหาว่ามาจากการซื้อเสียงอีกเช่นเคย…

———-ในเวลา 5 ปี ปชป.มัวแต่แก้ปัญหาภายในและค้นหาตัวเองไม่พบ…ไม่รู้ว่าจะเสนอจุดเด่นข้อดีส่วนไหนให้แก่สังคม..ค้นหาตัวเองจาก ปฎิบัติการหัวหิน ปฎิญญาเชียงราย อีแต๋นคืนชีพ..จนมาถึงสมัชชาประชาชนในยุคอภิสิทธิ์…แต่ประชาชนยังสัมผัสไม่ได้ว่า ปชป.มีสิ่งใดใหม่ และเป็นข้อเสนอที่น่ารับฟัง….ในขณะที่ทักษิณและไทยรักไทย โกอินเตอร์ และสร้างผลงาน ภายใต้นโยบายทีแถลงไว้แบบรุกคืบหน้า..มุ่งมั่น ขยัน ทุ่มเท..ไปไกลเกินกว่าที่ ปชป.จะตามทัน….

ภาพที่ตัดกันเหล่านี้..จะไม่อยู่ในความรับรู้และความทรงจำของประชาชนไทยเลยเชียวหรือ…?

ปัญหาภายในของ ปชป.ที่ประชาชนรับรู้..สามารถสร้างศรัทธาและเรียกความชื่นชมจากประชาชนได้หรือ..?

ผลงานและการบริหารงานของทักษิณและทรท.จะไม่ทำให้ประชาชนรู้สึกดีๆได้เลยเชียวหรือ…?

———-ผลการเลือกตั้งใน กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ประชาชนอิงกระแส เป็นหลัก ยังมีผลการเลือกตั้งที่ไปในทิศเดียวกันกับประชาชนทั่วประเทศ กล่าวคือ ในการเลือกตั้งปี 2544 ทรท.มีชนะ27 เขตใน 37 เขต ปี 2548 เพิ่มเป็น 32 เขต จาก 37 เขต….

ชัยชนะเช่นนี้…เป็นผลจากการที่ ทรท.ได้รับความเอื้อเฟื้อ จาก กกต.อย่างนั้นหรือ..?

หากว่ากกต.และผลแห่งการใช้เงินซื้อเสียงของ ทรท.มีส่วนทำให้ ทรท.ได้รับชัยชนะ..เหตุใด ทรท.จึงแพ้การเลือกตั้งที่ภาคใต้อย่างหมดรูป..?

ถ้า กกต.เป็นใจ และมีส่วนทำให้ ทรท.ได้รับชัยชนะได้..ผลการเลือกตั้งที่ภาคใต้ ทรท.ควรได้ สส.มากกว่าที่เป็นอยู่..หรือไม่ ?

———-คนไทยโบราณ ได้สอนลูก สอนหลานมานานนับร้อยปีแล้วว่า…รำไม่ดี อย่าโทษปี่ โทษกลอง…หน้าตาอัปลักษณ์ อย่าโทษกระจกส่องหน้า….

———-เราเชื่ออย่างสนิทใจว่า….สำหรับสถานการณ์วันนี้…ต่อให้กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เป็นคนที่มาจาก กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 5 คน ประชาธิปัตย์ก็ยังไม่สามารถชนะการเลือกตั้งได้อยู่ดี….เป็นเพราะว่าเวลาประชาชนจะลงคะแนนเสียงในวันเลือกตั้ง…ประชาชนไม่รู้หรอกว่า ใครเป็น กกต.กันบ้าง…แต่ประชาชนรู้ว่า จะเลือกใครไปเป็นรัฐบาล….

———-หากพรรคประชาธิปัตย์ค้นหาตัวเองไม่เจอ..ไม่สามารถนำเสนอในสิ่งที่ดีกว่า ทักษิณและ ทรท. และไม่เปลี่ยนกรอบความคิดทางยุทธศาสตร์ ไม่หยุดเล่นการเมืองแบบวาทะกรรม แม้จะเปลี่ยน กกต.อีก ร้อยชุด..ประชาธิปัตย์ ก็ยังเป็นผู้แพ้อยู่วันยังค่ำ…..

———-เพราะการเมืองไทยได้เข้าสู่ยุค Solution Base แล้ว…มิใช่การเมืองแบบ วาทะกรรมอีกต่อไป…..ขึ้นอยู่กับว่าพรรคประชาธิปัตย์จะตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยหรือไม่..

Last Update : 27 พฤษภาคม 2549 11:31:38 น.